เคสนี้รับเป็นทนายผู้ร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินและตึกแถวของโครงการหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเจ้าของโครงการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์สลับแปลงกันกับบ้านหลังอื่น เมื่อจะทำนิติกรรมการซื้อขายที่ดินและตึกแถวโดยการขอสินเชื่อจากธนาคาร ธนาคารไม่อนุมัติและแจ้งว่าโฉนดไม่ตรงกับเลขที่บ้านที่เจ้าของโครงการขอจัดสรรที่ดินไว้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองที่ดิน (ที่มีโฉนด) ของผู้อื่น โดยสงบ เปิดเผย มีเจตนาเป็นเจ้าของ เป็นระยะเวลา 10 ปี ขึ้นไป
ทั้งนี้ ต้องยื่นคำร้องต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ด้วย 
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6756/2544
แม้จำเลยจะเข้าใจผิดว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 2749 ที่จำเลยซื้อมาตั้งแต่ปี 2472 ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ที่ดินแปลงดังกล่าว จึงไม่ใช่การครอบครองที่ดินของตนเองอันจะอ้างครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ เมื่อจำเลยครอบครองที่ดินซึ่งเป็นของโจทก์อันเป็นการครอบครองที่ดินของผู้อื่น ลักษณะครอบครองของจำเลยแสดงออกโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเป็นเวลานานกว่า10 ปีแล้ว จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และการนับระยะเวลาครอบครองนั้นนับตั้งแต่เวลาที่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองที่ดินตลอดมา หาใช่นับแต่วันที่ทำการรังวัดแล้วทราบว่าครอบครองที่ดินสลับแปลงกันไม่
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1921/2536
โจทก์และจำเลยซื้อที่ดินมีโฉนดจากเจ้าของกรรมสิทธิ์พร้อมกันแต่ได้เข้าครอบครองที่ดินสลับแปลงกัน แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินของโจทก์โดยความเข้าใจผิดว่าเป็นที่ดินของตนเองแต่จำเลยก็ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องว่าเป็นที่ดินของโจทก์แล้วแย่งการครอบครองเกินกว่า 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์ เมื่อการเข้าครอบครองนั้นเป็นการครอบครองด้วยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเกิน 10 ปี จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382